เมื่อเศรษฐีน้ำมันถังแตก

0
276
ซาอุดีอาระเบียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยน้ำมัน ผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ 10 ล้านบาร์เรล/ วัน มากเป็นอันดับสามของโลก ในยามที่น้ำมันดิบมีราคาสูงเกิน 100 $/bbl. ซาอุดีอาระเบียจึงเป็นเศรษฐีน้ำมัน จะใช้จ่ายเงินมากแค่ไหน อย่างไรก็ได้
แต่ขณะนี้โลกเจอวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้ราคาน้ำมันลดลงมาต่ำกว่า 20 $/bbl. ถึงแม้สัปดาห์ที่แล้วจะกระเตื้องขึ้นมาบ้างก็ยังคงอยู่ที่ระดับ 30 $/bbl. ทำให้รายได้จากน้ำมันของประเทศในกลุ่มโอเปกหายไปเป็นจำนวนมาก
ซาอุดีอาระเบียก็หลีกหนีชะตากรรมนี้ไม่พ้นเช่นเดียวกัน แถมยังหนักกว่าประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในกลุ่มเสียอีกเพราะในฐานะประเทศผู้นำกลุ่มโอเปกอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นผู้ที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในกลุ่ม จึงต้องแสดงบทบาทในการเป็นผู้นำลดการผลิต โดยลดการผลิตน้ำมันลงถึง 2.5 ล้านบาร์เรล/ วัน ตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ที่ให้ลดการผลิตลง 9.7 ล้านบาร์เรล/ วัน
นอกจากนั้น เพื่อดึงราคาน้ำมันให้ขึ้นมาจากระดับ 20 $/bbl. ซาอุดีอาระเบียยังได้สั่งให้บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ (NOC) ของตน คือ บรรษัท ซาอุดิอารามโค ให้ลดการผลิตในเดือน มิ.ย. ลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/ วัน ทำให้การส่งออกน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในเดือน มิ.ย. จะอยู่ที่ 7.5 ล้านบาร์เรล/ วันเท่านั้น (ต่ำสุดในรอบ 18 ปี) ลดลงจากเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่ผลิตน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงเกือบ 5 ล้านบาร์เรล/ วัน
ดังนั้น สำหรับซาอุดีอาระเบียจึงเท่ากับได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากกว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น เพราะรายได้จากน้ำมันลดลงทั้งจากราคาที่ต่ำลงและปริมาณการผลิตที่ลดลงคิดเป็นเงินมากมายมหาศาล ส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐ ทำให้สำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารชาติลดลงถึงเดือนละ 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.7 แสนล้านบาท)
เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณ สัปดาห์ที่แล้วรมต. คลังของซาอุดีอาระเบียได้ประกาศมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อปี ค.ศ.2018 และประชาชนยังไม่คุ้นเคย) อีก 3 เท่า จาก 5% เป็น 15% เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค. ปีนี้ เป็นต้นไป
นอกจากนั้นยังได้ประกาศตัดงบช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 1,000 ริยาดห์ ที่เคยจ่ายให้กับผู้ที่ทำงานภาครัฐ รวมมาตรการทั้งหมดแล้วจะทำให้รัฐบาลประหยัดรายจ่ายและมีรายได้สูงขึ้นรวมกัน 26,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.5 แสนล้านบาท)

ซึ่งจะทำให้การขาดดุลทางการคลังลดลงจาก 15% ของจีดีพี มาอยู่ที่ 13% ของจีดีพี ในขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 4.5% และคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 6.4% ใครเลยจะคิดว่าโควิด-19 ก็ทำให้เศรษฐีน้ำมันถังแตกได้!!!.

ℹ️ ที่มาบทความ คอลัมน์ “พลังงานรอบทิศ” เรื่อง “เมื่อเศรษฐีน้ำมันถังแตก” นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 2563

ℹ️ โดย มนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน
สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ : https://bit.ly/3g0Xmpf