เมืองไทยชอบกล! ให้เอกชนผลิตไฟฟ้าแข่งกับรัฐ?

0
667

Q: เมืองไทยชอบกล! ให้เอกชนผลิตไฟฟ้าแข่งกับรัฐ?

A: ถ้าดูแนวโน้มนโยบายเศรษฐกิจทั่วโลก จะเห็นว่าเมืองไทยไม่แปลกเลย เพราะมีการใช้ประโยชน์ของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทบทุกประเทศ ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุด คือ ประเทศจีน ซึ่งเคยเป็นระบบคอมมิวนิสต์ที่รัฐผูกขาดการผลิตแทบทั้งหมด ก็ได้แปรรูปโดยใช้กลไกตลาดและแรงจูงใจของเอกชน จนทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมหาศาล อีกทั้งความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไปก็ดีขึ้นมากดังที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ตัวอย่างอื่นใกล้บ้านเราก็มี เช่น ประเทศเวียดนาม

สังเกตได้ว่าแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 6 มาตรา 75 ก็ระบุว่า รัฐจะไม่ประกอบกิจการที่แข่งขันกับเอกชนในธุรกิจที่เอกชนดำเนินการได้ และไม่มีผลต่อความมั่นคงของรัฐ

การให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้าทำให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งนอกจากช่วยยกระดับประสิทธิภาพและความมั่นคงของภาคส่วนนี้แล้ว ยังเป็นการช่วยให้ประเทศได้ขยายบริการเชิงสาธารณูปโภคโดยไม่ต้องใช้เงินที่มีอยู่จำกัดของภาครัฐมาลงทุน

ในเมื่อเงินลงทุนมาจากเอกชน ก็ไม่แปลกที่เอกชนควรได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แต่เขาต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลให้รัฐก่อน และเงินปันผลที่จ่ายให้ผู้ลงทุนก็ต้องเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคลหรือถูกหัก ณ ที่จ่ายอีกด้วย

ดังนั้น สิ่งใดที่เอกชนทำได้จึงควรปล่อยให้เอกชนเข้ามาทำ หากเปรียบเทียบโครงการเดียวกันความเสี่ยงเชิงธุรกิจจะเหมือนกัน แต่อาจมีผลลัพธ์ที่ต่าง เนื่องจากโดยทั่วไประบบของเอกชนมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและดูแลประสิทธิภาพได้ดีกว่าของภาครัฐ ซึ่งแปลว่าโครงการเดียวกันหรือโรงไฟฟ้าแบบเดียวกัน ถ้าเอกชนทำอาจจะได้กำไรกว่าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ (กำไรสูงขึ้นภาษีทั้ง 2 ชนิดก็สูงขึ้นด้วย) หากภาครัฐกำกับดูแลอย่างโปร่งใสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ก็จะป้องกันไม่ให้เกิดกำไรเกินควร เศรษฐกิจของเราจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการให้รัฐทำเองทุกอย่าง

อนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าของใคร รัฐเป็นผู้กำกับดูแลทั้งหมด ทั้งด้านการควบคุมมลพิษตามกฎหมาย และเงื่อนไขการรับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบรวมถึงการตั้งราคาเพื่อไม่ให้โรงไฟฟ้าเอาเปรียบผู้บริโภคได้ และถ้ามีการแข่งขันตลอดสายตามแนวทางที่ ERS เสนอ ค่าไฟน่าจะถูกลงกว่าในระบบปัจจุบันที่ กฟผ.เป็นผู้รับซื้อเข้าสายส่งเพียงรายเดียว

#ERSFellowship #คุณถามเราตอบ #ไฟฟ้าเสรี

แสดงความคิดเห็นได้ที่:  https://web.facebook.com/ERSFellowship/photos/a.299602063583142/1508704099339593/